‘อุบัติเหตุ’ หรือ ‘การเจ็บป่วย’ เป็นสิ่งไม่คาดคิดที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ หากเราไม่เตรียมพร้อมเอาไว้เลย อาจจะเจอกับความเสี่ยงรอบด้านได้ การมี ‘ประกันชีวิต’ ที่สามารถเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงในวันที่อุบัติเหตุและการเจ็บป่วยมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่หากใครยังไม่มีประกันชีวิต หรือไม่รู้จะเริ่มซื้อประกันชีวิตอย่างไรดี วันนี้เรามีวิธีการวางแผนซื้อประกันชีวิตเพื่อรองรับความเสี่ยงรอบด้านมาฝากกันทุกคนกัน
โดยก่อนอื่นเราขอพาทุกคนไปรู้จักกับความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุและเจ็บป่วย หากเราไม่ได้ทำประกันชีวิตกันก่อน
ความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุและเจ็บป่วย
เมื่อเราเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดการเจ็บป่วย แน่นอนว่าสิ่งที่ตามนั้นคงเป็น ‘ค่าใช้จ่าย’ มากมาย ตามความความหนักเบาของสถานการณ์ที่เราต้องเจอ ซึ่งหากเราไม่ได้เก็บเงินส่วนนี้ไว้ หรือวางแผนเก็บเงินไว้ไม่เพียงพอ เราก็อาจจะมีความเสี่ยงที่เงินเก็บจะไม่เพียงพอ กระทบกับเงินส่วนอื่นๆ หรืออาจจะต้องถึงขั้นหยิบยืมคนอื่นเลยก็ได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษานั้นจะมากน้อยแตกต่างกันออกไป ดังนี้
● เสี่ยง-เจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น เสียค่ายาจากร้านขายยา หรือค่าทำแผล ซึ่งแม้จะเป็นค่าใช้จ่ายเล็กน้อยแต่หากเกิดขึ้นบ่อยๆ ในเดือนที่เรามีเงินใช้น้อย ก็อาจกระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้
● เสี่ยง-เจ็บป่วยหนัก เช่น ค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาลหรือค่าผ่าตัด ซึ่งนับเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างมาก หากเราใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลนานหรือต้องการนอนโรวพยาบาลเอกชน ที่มีค่าห้องคืนละหลายพันบาทจนไปถึงราคาหลักหมื่น
● เสี่ยง-สูญเสียอวัยวะ / ทุพพลภาพถาวร เช่น ค่าดูแลตัวเองในการใช้ชีวิต และอำนวยความสะดวกในชีวิต ซึ่งเมื่อเราไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ 100% และไม่อยากรบกวนให้ผู้อื่นดูแลเราทุกอย่าง การเตรียมเงินค่าดูแลตัวเองไว้ส่วนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าอุบัติเหตุไหนจะทำให้เราเสี่ยงสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพถาวรบ้าง
● เสี่ยง-เสียชีวิต เช่น ค่าใช้จ่ายสำหรับวันสุดท้าย หรือ รายได้ที่ต้องดูแลครอบครัวหายไป ซึ่งแม้วันนั้นเราจะไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากมีครอบครัวที่ต้องดูแล การเตรียมเงินส่วนนี้ไว้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยทำให้เราอุ่นใจ
จากความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายที่เราได้กล่าวไปข้างต้นนั้น ทุกคนไม่ต้องกังวลใจไป การมีประกันชีวิตเป็นวิธีหนึ่งที่เข้ามาช่วยคุ้มครองความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้
ประกันชีวิตช่วยคุ้มครองความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายได้อย่างไร
เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตั้งแต่การเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ ไปจนถึงการเสียชีวิต จะได้รับการคุ้มครอทั้งในเรื่องค่ารักษาพยาบาล การชดเชยรายได้ หรือการจ่ายเงินชดเชยให้ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในสัญญากรณีการเสียชีวิต
นอกจากนี้ การมีประกันชีวิตยังมีดีกว่าการคุ้มครองความเสี่ยงได้ วันนี้เราจึงรวบรวมข้อดีของประกันชีวิตเพิ่มเติมมาให้ทุกคนได้ประกอบการตัดสินใจกัน
ประกันชีวิตมีดีกว่าการคุ้มครองความเสี่ยง
● ลดหย่อนภาษี จากค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายมาตลอดทั้งปีจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิต จะต้องไม่เกิน 100,000 บาท โดยจะต้องเป็นประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาล เนื่องจากอาการเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บ ชดเชยทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะ และประกันสุขภาพระยะยาว (Long Term Care)
● เป็นมรดกให้ครอบครัวในวันที่เราไม่อยู่ ผู้เอาประกันสามารถกำหนดผู้รับประโยชน์ได้ตามความต้องการ โดยผู้รับประโยชน์สามารถเป็นบุคคลใดก็ได้ เช่น ทายาท คู่สมรส บุพการี พี่น้อง หรือองค์กรการกุศล เป็นต้น และเงินสินไหมมรณกรรมจากประกันชีวิตไม่ถือเป็นมรดกของผู้ตาย เนื่องจากไม่ถือเป็นทรัพย์สินของผู้ตายที่มีอยู่ก่อนหรือมีอยู่ในขณะถึงแก่ความตาย แต่เป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นหลังจากผู้เอาประกันเสียชีวิตแล้ว
● ครบสัญญาได้เงินก้อน อุ่นใจไว้ใช้ยามเกษียณ หากเราอยู่ครบอายุสัญญา เราจะได้รับเงินก้อนที่มีมูลค่าตามกรมธรรม์ระบุไว้ ซึ่งไม่รวมกับเงินคืนตามสัญญาและเงินปันผลรายปีที่ได้รับ โดยเงินครบกำหนดสัญญาจะได้คืนเมื่อผู้เอาประกันมีอายุครบตามกำหนดสัญญา จ่ายเบี้ยประกันครบตามกำหนดและไม่มีการเวนคืนกรมธรรม์ระหว่างสัญญา
แต่หากใครยังไม่มีประกันชีวิต หรือไม่รู้จะเริ่มซื้อประกันชีวิตอย่างไรดี วันนี้เรามีวิธีการวางแผนซื้อประกันชีวิตเพื่อรองรับความเสี่ยงรอบด้านมาฝากกันทุกคนกัน
3 วิธี วางแผนซื้อประกันชีวิต รองรับความเสี่ยงรอบด้าน
1. ประเมินความเสี่ยงที่ต้องการคุ้มครอง
ก่อนทำประกันอันดับแรกเราต้องดูว่าเรามีภาระอะไรบ้าง ทั้งภาระค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สิน เช่น ค่าเล่าเรียนของลูก ออมเงินที่จะเก็บไว้ใช้ยามเกษียณ ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เป็นต้น นอกจากนี้ ให้สำรวจสวัสดิการจากที่ทำงานที่เรามีอยู่ว่ามีอะไรบ้าง เช่น ประกันกลุ่มของบริษัท หรือ ประกันสังคม เป็นต้น ซึ่งหากเรามีสวัสดิการที่คุ้มครองในบางส่วนอยู่แล้ว เราก็เพียงแค่ ‘ซื้อเพิ่ม’ ให้ครอบคลุมกับความต้องการในส่วนที่ยังขาดไปเท่านั้น จะได้ไม่ต้องเสียค่าเบี้ยประกันชีวิตมากจนเกินความจำเป็น
2. เลือกทุนประกันตามมูลค่าความเสี่ยงที่ต้องการคุ้มครอง
การคำนวณทุนประกันชีวิตที่เหมาะสมจะช่วยทำให้เราลดความเสี่ยง ในการไม่สามารถชำระเบี้ยประกันชีวิตจนตลอดรอดฝั่งได้ โดยวิธีการคำนวณทุนประกันชีวิตนั้น สามารถพิจารณาได้ดังนี้
● พิจารณาค่าใช้จ่ายต่อเดือนของครอบครัว และประมาณการเป็นรายปี
● พิจารณารายได้ที่เหลือหลังจากเราจากไปและทรัพย์สินที่มีในแต่ละปี
● นำรายได้และค่าใช้จ่ายมาดูส่วนต่าง ว่าต้องการเงินเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพื่อคำนวณทุนประกัน
● พิจารณาทุนประกันอย่างน้อย 3-5 เท่า ของเงินที่ต้องการเพิ่มขึ้นต่อปี เพื่อให้ครอบครัวมีโอกาสตั้งตัวได้
ซึ่งหากเราทำประกันชีวิตในวงเงินคุ้มครองที่สูงเกินไป ก็จะทำให้มีภาระค่าเบี้ยประกันชีวิตสูงตามไปด้วย ดังนั้น เมื่อได้ทุนประกันที่ต้องการแล้วก็ให้คำจำนวนเบี้ยประกันที่เราต้องจ่ายในแต่ละปี โดยอาจจะเริ่มจาก 10% ของรายได้ ว่าเราสามารถจ่ายได้ไหวไหม และหากเรามีรายได้มากขึ้นก็ค่อยทยอยซื้อประกันเพิ่มขึ้นก็ได้
3. เลือกบริษัทผู้รับประกันที่มีความมั่นคงทางการเงิน
ในการซื้อประกันชีวิตนั้นเราจะต้องพิจารณาเลือกบริษัทผู้รับประกันที่มีความมั่นคงทางการเงิน เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคง ว่าบริษัทจะมีความสามารถในการบริหารจัดการและสร้างผลตอบแทนที่ดี ได้จากเบี้ยประกันชีวิตที่เก็บรวบรวมไว้ มีการให้บริการของตัวแทนประกันภัย และมีความสามารถในการจัดสรรเงินที่จะชดใช้ความเสียหายได้ตามสัญญาอย่างรวดเร็ว หรือสามารถเป็นตัวกลางเพื่อไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ซึ่งการที่เราจะได้บริษัทผู้รับประกันภัยที่ดีที่สุดนั้น เราควรหาข้อมูลหลายบริษัทมาเปรียบเทียบกันอย่างรอบคอบ โดยข้อมูลสำคัญที่ควรพิจารณา เช่น ข้อมูลทางการเงิน ชื่อเสียงของบริษัท ประวัติการดำเนินงาน รูปแบบของกรมธรรม์ การให้บริการ ค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เราไม่มีทางรู้เลยว่าอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ การใช้ชีวิตแบบไม่ประมาทจึงเป็นวิธีที่สามารถลดความเสี่ยงลงได้ นอกจากนี้ การมีประกันชีวิตยังเป็นเครื่องมือรองรับความเสี่ยงรอบด้าน เตรียมพร้อมไว้เสมอ เพิ่มความอุ่นใจให้ครอบครัวในอนาคตได้ แต่ไม่ว่าประกันชีวิตจะช่วยบริหารความเสี่ยงให้เราได้อย่างไร ก็ควรศึกษากรมธรรม์อย่างรอบคอบ เพื่อได้ประกันชีวิตตามที่เราต้องการ