ปัจจุบันคนไทยมีโอกาสเจ็บป่วยและพบเจอกับปัญหาสุขภาพได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากพฤติกรรมของตัวเราเองหรือสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ แม้ว่าทุกคนจะอยากมีสุขภาพที่ดี แต่ในบางครั้งเราก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือสถานที่ที่ส่งผลเสียกับสุขภาพของเราได้ และสิ่งที่ตามมากับปัญหาสุขภาพนั้นยังเป็นค่าใช้จ่ายในการดุแลรักษาตัวที่อาจจะมีจำนวนมาก เราจึงต้องมีการวางแผนทางการเงินเพื่อดูแลสุขภาพของตัวเองได้อย่างครอบคลุมในทุกสถานการณ์ วันนี้เราจึงมีทริคการลงทุนกับ ‘สุขภาพ’ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า พร้อมมีวิธีวางแผนด้านค่าใช้จ่ายด้วยประกันสุขภาพมาฝากกัน
โดยก่อนอื่นเราขอพาทุกคนไปดูว่าในประเทศไทยของเรานั้น มีปัจจัยหรือสถานการณ์อะไรบ้าง ที่สามารถส่งผลเสียกับสุขภาพของเราได้กัน
ปัจจัยที่ส่งผลเสียกับสุขภาพคนไทย
● การสูบบุหรี่ แม้เราจะเป็นคนสูบบุหรี่เองหรือเป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่มือสองของคนอื่นก็ล้วนส่งผลเสียกับสุขภาพเหมือนกัน โดยควันบุหรี่นั้นมีสารที่ทำให้เกิดโรคร้ายตามมาหลายโรค ทั้งโรคถุงลมโป่งพองที่หากยิ่งสูบนานก็มีโอกาสที่จะเป็นมากขึ้น ที่สำคัญคนที่ได้รับควันก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอดได้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบราว 10-30 เท่า หรือทำให้สมองฝ่อและเสื่อมได้ง่ายกว่าคนปกติได้อีกด้วย
● การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นพฤติกรรมของตัวเราเองที่หากดื่มในปริมาณมากเกินไป หรือดื่มเป็นเวลานาน แอลกอฮอล์จะเข้าไปทำร้ายเซลล์ของตับ กระตุ้นให้มีไขมันสะสมในตับ ทำให้ตับอักเสบ หรือเกิดการสะสมของพังผืดในตับที่อาจส่งผลให้ตับแข็ง ตับวาย และนำไปสู่มะเร็งตับได้
● การกินอาหาร เป็นเรื่องรอบตัวที่หลายคนอาจละเลย โดยเฉพาะการกินอาหารหวานอย่างชากาแฟใส่น้ำตาล หรืออาหารที่มีไขมันและแคลอรี่สูงอย่างอาหารประเภททอดมากเกินไป จะทำให้ไขมันสะสมในร่างกายเป็นจำนวนมากจนอาจเสี่ยงเป็นโรคอ้วนลงพุงได้ หรือเนื้อสัตว์แปรรูปที่ใส่สารโปตัสเซียมไนเตรท เพื่อช่วยคงสภาพให้เนื้อสัตว์เก็บไว้ได้นานและมีสีแดง ที่หากร่างกายได้รับจำนวนมากเป็นเวลานาน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการการเกิดเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
● สุขภาพจิต ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยปี 2564 คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคนเลยทีเดียว และโดยเฉลี่ยผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจำนวน 100 คน จะเข้าถึงการรักษาเพียง 28 คนเท่านั้น ซึ่งอาจจะเกิดจากความไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมีภาวะซึมเศร้าอยู่ เราจึงต้องคอยสังเกตตัวเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ เพื่อที่จะสามารถรับการรักษาได้เร็ว
● มลพิษทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ที่ทำให้เกิดผลต่อสุขภาพในระยะสั้น เช่น แสบตา แสบจมูก ระคายเคืองตา ยิ่งถ้าหากได้รับ PM 2.5 ในปริมาณมากและยาวนาน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืด ภูมิแพ้ ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไต
ซึ่งเมื่อเราได้รู้จักปัจจัยหรือสถานการณ์ที่ส่งผลเสียกับสุขภาพคนไทยกันแล้ว หากใครที่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมหรือหลีกเลี่ยงสถานที่ ที่อาจส่งผลเสียกับสุขภาพเราได้ควรจะทำทันที แต่หากใครที่ยังไม่สามารถเปลี่ยนหรือหลีกเลี่ยงได้ เรายังสามารถลงทุนกับสุขภาพเพื่อชีวิตที่ดีมากขึ้นได้
5 วิธี ลงทุนเพื่อ ‘สุขภาพ’ ที่ควรทำ
1. การนอนหลับ
การนอนหลับได้ไม่ดี นอนหลับไม่สนิท จะส่งผลกระทบกับฮอร์โมนและระบบต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายคนนอนหลับได้ไม่สรนิท อาจมาจากท่านอนและหมอนที่อาจจะไม่เหมาะสมกับเราและการนอนของเรา ซึ่งนอกจากจะทำให้นอนหลับไม่เต็มอิ่มแล้ว ตื่นมาอาจรู้สึกปวด คอ บ่า ไหล และปวดหลังได้อีกด้วย เราจึงควรลงทุนกับหมอนดีๆ สักใบ เพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้น
โดยหมอนที่ดีมีหน้าที่รองรับช่องว่างระหว่างศีรษะกับที่นอน ทำให้กระดูกสันหลังของเรารักษาระดับตรงได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งหมอนที่ดีกับสุขภาพนั้นมีหลายแบบ เช่น
● หมอนสุขภาพ จะมีลักษณะเป็นร่องลึกอยู่ตรงกลาง และช่วยกระจายแรงกดทับในระหว่างที่นอนหลับได้ดี
● หมอนออกซิเจน ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับร่างกาย โดยไม่รบกวนระบบทางเดินหายใจระหว่างการนอนหลับ
● หมอนสุขภาพตามสรีระร่างกาย ซึ่งจะมีรูปทรงเฉพาะต่างจากหมอนทั่วไป เช่น รูปทรงโค้งเป็นวงรี รูปทรงโดนัทมีรูตรงกลาง เป็นต้น
2. การออกกำลังกาย
เป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างเสริมให้ร่างกายคงไว้ซึ่งสุขภาพและความแข็งแรงของร่างกาย การออกกำลังกาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่นโรคหัวใจ, โรคระบบไหลเวียนโลหิต, เบาหวาน, และโรคอ้วน นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยสร้างเสริมสุขภาพจิตและลดความเครียดได้ ซึ่งการออกกำลังกายเป็นวิธีที่เราลงแรงทำด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนให้เริ่มจากการเดินหรือขี่จักรยานแล้วค่อยเพิ่มระดับความเข้มข้นขึ้นไป หรือหากกลัวว่าถ้าออกกำลังกายเองจะไม่ถูกวิธี เราก็สามารถลงทุนจ้างเทรนเนอร์เข้ามาสอนเพื่อไม่ให้ออกกำลังกายผิดวิธีได้
3. อาหาร
การกินอาหารที่ดีกับสุขภาพเป็นสิ่งที่น่าลงทุนมากที่สุด เพราะอาหารเป็นสิ่งที่เราต้องกินทุกวัน มีความเสี่ยงที่จะผลเสียกับสุขภาพเราได้มากที่สุด แม้ว่าเมื่อเราลองเทียบอาหารสุขภาพจะมีราคาสูงกว่ากับอาหารทั่วไป แต่อาหารสุขภาพนั้นจะเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยมากที่สุด เช่น ใช้ผักออร์แกนิก และใช้เนื้อที่ไม่ได้ผ่านการใช้สารเร่ง ซึ่งหากเราลงทุนซื้อกินได้ทุกวันตั้งแต่วันนี้ ก็จะช่วยส่งผลดีกับสุขภาพในระยะยาวได้
4. เทคโนโลยีตอบโจทย์สุขภาพ
เทคโนโลยีสุขภาพในปัจจุบันมีการพัฒนาและช่วยทำให้เรามีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นได้ จากการตรวจจับความผิดปกติ และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น นาฬิกาวัดออกซิเจนในเลือด (Smart Watch) ที่มีฟังก์ชันเก็บข้อมูลการเดิน วัดการเต้นของหัวใจ คำนวณแคลอรี นับเวลานอน นับจำนวนก้าวที่วิ่ง พลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน และฟังก์ชันอื่นอีกมากมาย ทำให้เทคโนโลยีตอบโจทย์สุขภาพนี้นั้นเป็นสิ่งที่น่าลงทุนอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันนั้นมีหลากหลายราคาให้เราได้เลือกตามที่เป้าหมายสุขภาพของเราเลยได้เลย
5. การเงิน
ในวันที่เจ็บป่วยจะมีค่ารักษาพยาบาลมากมายตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลเอกชน ยิ่งถ้าเป็นโรคร้ายแรงและต้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะต้องพบค่าใช้จ่ายที่แพงมากขึ้นอีก ซึ่งแม้เราจะมีเงินเก็บในบัญชีไว้แล้ว แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่าเงินนั้นจะเพียงพอกับค่ารักษาในอนาคตหรือเปล่า ดังนั้น นอกจากการเก็บออมแล้ว เราควรจะมีแผนการเงินที่มั่นคงและมากพอไว้ใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล ในอนาคตอย่างมันใจได้ เช่น ประกันสุขภาพ เป็นต้น
‘ประกันสุขภาพ’ เป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพ ที่มาพร้อมความอุ่นใจด้านค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ซึ่งประกันสุขภาพจะสามารถสร้างความอุ่นใจและน่าลงทุนได้อย่างไรบ้าง เราไปอ่านกันเลย
สร้างความอุ่นใจ ด้วยประกันสุขภาพ
● หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในปัจจุบันมีมูลค่าสูง การทำประกันสุขภาพจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ในการรักษาพยาบาลจากทั้งโรงพยาบาลรัฐฯ และโรงพยาบาลเอกชนที่มีอุปกรณ์ครบครันได้ตามต้องการ
● สร้างความมั่นใจในชีวิต การทำประกันสุขภาพจะช่วยทำให้เรารู้สึกอุ่นใจและมั่นใจในชีวิต ว่าเมื่อเจ็บป่วยจะมีเงินรักษาโดยไม่กระทบกับเงินที่ใช้ดูแลครอบครัว นอกจากนี้ ประกันสุขภาพบางประเภทยังให้ความคุ้มครองชีวิตในกรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือเจ็บป่วยร้ายแรงอีกด้วย
● ช่วยลดหย่อนภาษีได้ จากค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายมาตลอดทั้งปีจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิต จะต้องไม่เกิน 100,000 บาท โดยจะต้องเป็นประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาล เนื่องจากอาการเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บ ชดเชยทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะ และประกันสุขภาพระยะยาว (Long Term Care)
โดยการเลือกทำแบบประกันสุขภาพเพื่อสร้างความอุ่นใจนั้น ควรจะเลือกความคุ้มครองประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเราเองจะดีที่สุด
การเลือกความคุ้มครองประกันสุขภาพที่เหมาะสม
● ค่าเบี้ยประกันภัย เช่น เบี้ยประกันปีแรกและปีต่ออายุ ซึ่งเบี้ยประกันสุขภาพมักจะเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ นอกจากนี้ การชำระเบี้ยรายปี จะประหยัดกว่าการชำระเบี้ยรายเดือน
● รายละเอียดความคุ้มครอง เช่น ประกันสุขภาพแบบจ่ายตามตารางความคุ้มครองที่กำหนด หรือประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายตามจริงที่มีการกำหนดวงเงินค่าห้องและค่ารักษาพยาบาลแต่ละครั้ง ซึ่งจะมีค่าเบี้ยประกันสูงกว่า
● วงเงินคุ้มครอง เช่น กรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก จะมีการกำหนดวงเงินต่อครั้งต่อโรค วงเงินต่อปี หรือจำนวนครั้งสูงสุดในรอบปีกรมธรรม์
อย่างไรก็ตาม วิธีลงทุนเพื่อสุขภาพที่เรานำมาแนะนำนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ แต่การเจ็บป่วยนั้นยังมีเรื่องของพฤติกรรมและปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย การเตรียมพร้อมด้านสุขภาพไว้เสมอจึงเป็นเรื่องที่เราควรทำและให้ความสำคัญ