การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติเป็นตัวแปรที่สำคัญกับเศรษฐกิจและตลาดการเงินมากขึ้น วันนี้เราจึงจะขอพาทุกคนไปจับตามองสถานการณ์ ‘เอลนีโญ’ ที่เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นทุกปี ว่าจะส่งผลกระทบกับค่าใช้จ่ายและการลงทุนของเราได้อย่างไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้วางแผนทางการเงิน ปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ทันท่วงที หรือสามารถช่วยให้เรามองเห็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติครั้งนี้ได้
นอกจากนี้ เราจะขอพาไปรู้จัก Unit Linked ประกันที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้กัน
ก่อนอื่นเราขอพาทุกคนไปดูผลกระทบจากเอลนีโญ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ส่งผลกระทบในด้านของเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่าย และการลงทุนกันก่อน
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่าย และการลงทุน
● ผลกระทบโดยตรงจากเอลนีโญในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยที่ได้รับ
เอลนีโญส่งผลให้ผลผลิตทางภาคการเกษตรตกต่ำจากภาวะขาดแคลนน้ำ และทำให้ราคาผลผลิตทางภาคการเกษตรสูงขึ้น โดยราคาข้าวขาว 5% ในประเทศไทยในปี 2565 ได้มีปรับเพิ่มขึ้น 37% จาก 1,500 บาทต่อ 100 กิโลกรัมเป็น 2,000 – 2,100 บาทต่อ 100 กิโลกรัมเลยทีเดียว
เอลนีโญยังทำให้กระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมอื่นๆ มีภาวะขาดแคลนน้ำและสินค้าราคาแพง ซึ่งจะส่งผลกระทบไปยังภาคใช้จ่ายของครัวเรือนต่อไปอีกด้วย
● ผลกระทบของเอลนีโญในประเทศอื่นๆ และอาจส่งผลกลับมายังประเทศไทย
เอลนีโญมักจะทำให้มีฝนตกหนักมากในประเทศเปรู ชิลี และเอกวาดอร์ ดังนั้น ประเทศในอเมริกาใต้จึงมักจะมีผลผลิตทางการเกษตร เช่น ถั่วเหลือง น้ำตาล และเนื้อสัตว์ที่ดี ซึ่งก็อาจจะเป็นผลบวกกับบริษัทไทยถ้าต้องใช้สินค้าเหล่านี้ในกระบวนการผลิต แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ผลผลิตของสินค้าเหล่านี้จากไทยส่งออกไปแข่งขันได้ยากขึ้น เนื่องจากราคาผลผลิตของไทยจะเพิ่มสูงขึ้นจากผลกระทบของเอลนีโญนั่นเอง
นอกจากนี้ เอลนีโญจะทำให้สัตว์ทะเลอพยพไปทางเหนือและใต้ตามกระแสน้ำเย็นมากขึ้น ทำให้ราคาปลาทะเลมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทที่ใช้อาหารทะเลเหล่านี้ในกระบวนการผลิต เช่น อุตสาหกรรมอาหารและร้านอาหาร ขณะที่ส่งผลกระทบทางอ้อมต่ออุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวเนื่อง เช่น บรรจุภัณฑ์ ขนส่ง เป็นต้น
● ผลกระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุน และการประกันภัย
ภัยธรรมชาติที่รุนแรงทำให้บริษัทประกันมีภาระความรับผิดชอบต่อความเสียหายเพิ่มมากขึ้นจากปีปกติ และเศรษฐกิจที่หยุดชะงักจากภัยธรรมชาติจะกระทบผลการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ ซึ่งอาจกลายเป็นหนี้เสียในภาคการธนาคารได้
แต่แม้ว่าธุรกิจต่างๆ จะได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ แต่หากธุรกิจมีกลยุทธ์ในการวางแผนธุรกิจก็สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงจากผลกระทบของเอลนีโญได้ แถมในบางธุรกิจยังสามารถสร้างผลตอบแทนมากขึ้นจากเอลนีโญได้อีกด้วย
โอกาสในการสร้างผลตอบแทน
เอลนีโญเป็นปรากฏการณ์ที่ส่งผลต่อ ‘ปริมาณน้ำฝน’ ในหลายทวีป และมีผลกระทบต่อธุรกิจในแต่ละประเทศแตกต่างกันไปอย่างในทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ สหรัฐอเมริกา แอฟริกา และเอเชียกลาง อาจจะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น ส่วนออสเตรเลีย อินโดนีเซีย บางส่วนของเอเชียใต้ และอเมริกากลาง อาจเกิดภัยแล้งอย่างรุนแรง นักลงทุนจึงมองว่าธุรกิจที่สามารถกักเก็บน้ำสำรองไว้จนส่งน้ำเข้าประเทศอื่นๆ ได้ หรือธุรกิจที่เป็นความต้องการสูงที่สามารถมีน้ำในการผลิตหรือมีสิ่งอื่นมาแทนน้ำในการผลิตได้ อาจสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงนี้ เช่น
● โรงไฟฟ้าที่ไม่ใช้พลังงานน้ำ
ภัยแล้งที่รุนแรงกว่าปกติจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจพลังงาน เพราะโรงไฟฟ้าพลังน้ำจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าปีปกติ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการขาดแคลนไฟฟ้าในบางพื้นที่ ส่งผลให้หุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกที่ใช้น้ำเป็นตัวปั่นกระแสไฟฟ้าอาจตกลงไปด้วย แต่หากโรงไฟฟ้าสามารถใช้วัตถุดิบอื่นๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน พลังงานลม ซึ่งแม้จะมีราคาแพงกว่าหรือมีข้อเสียข้อจำกัดบางอย่างมาทดแทนได้ ก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากความต้องการพลังงานสูงนี้ได้
● โรงงานน้ำตาล
หุ้นโรงงานน้ำตาลและอ้อยของไทยจะได้ประโยชน์จากราคาที่ปรับตัวขึ้น โดยทางศูนย์วิจัย CIMB Thai และบล. CGS-CIMB เชื่อว่า ราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ 20 – 23 เซนต์/ปอนด์ เนื่องจากผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลอันดับ 1 ของโลกอย่างบราซิลจะประสบปัญหาท่าเรือที่แออัดและผลผลิตที่น้อยลง ส่วนผู้ผลิตน้ำตาลอันดับ 2 ของโลกอย่างอินเดีย กลับกำลังใช้มาตรการลดโควตาการส่งออก จึงเป็นโอกาสของไทยในฐานะผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับ 3 ของโลกได้
● โรงงานอาหารสัตว์
เอลนีโญทำให้ต้นทุนการเลี้ยงปศุสัตว์สูงขึ้น เนื่องจากขาดแคลนน้ำในการปลูกข้าวโพดหรือกากถั่วเหลืองที่จะนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ แต่หากโรงงงานอาหารสัตว์มีการปรับตัวผลิตอาหารสัตว์ได้อย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้เช่นกัน
ซึ่งแม้ว่าบางธุรกิจจะมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากเอลนีโญมากขึ้น แต่ธุรกิจก็มีปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อธุรกิจไม่เหมือนกัน ก่อนเราจะลงทุนให้ลองศึกษาปัจจัยอื่นๆ และเลือกการลงทุนที่สามารถปรับเปลี่ยนให้ได้ตามสถานการณ์เพื่อบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุนจะดีที่สุด วันนี้เราจึงจะขอพาไปรู้จัก ‘Unit Linked’ ประกันที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้กัน
Unit Linked ประกันที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
● สร้างความอุ่นใจด้านการเงินจากผลกระทบเอลนีโญ
การมีประกันที่คุ้มครองชีวิตช่วยทำให้อุ่นใจหากเราเกิดอันตรายจากเอลนีโญที่อาจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่น การเป็น heatstroke จนถึงขั้นเสียชีวิตอย่างฉับพลัน เราก็ยังจะได้รับผลประโยชน์จากประกันด้านการคุ้มครองชีวิต ให้ครอบครัวของเราสามารถดูแลตัวเองในตอนที่เราไม่อยู่แล้วได้
● มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้
สำหรับเบี้ยประกันของกรมธรรม์ Unit Linked จะมีการหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกันชีวิตก่อน แล้วส่วนที่เหลือจึงนำไปหาผลตอบแทน โดยผู้ถือกรมธรรม์สามารถเลือกพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ และความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเอง และอาจสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ Unit Linked ยังสามารถปรับเปลี่ยนทุนประกันชีวิตให้สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละช่วงชีวิตได้ โดยบริษัทประกันส่วนใหญ่อนุญาตให้ปรับลดทุนประกันชีวิตได้ ตามความต้องการความคุ้มครองที่ลดลง เมื่ออายุมากขึ้นและมีทรัพย์สินมากขึ้น หรือมีภาระน้อยลง หรือสามารถหยุดชำระเบี้ยประกันโดยความคุ้มครองยังดำเนินต่อไป หากมีเงินลงทุนสะสมไว้เพียงพอ และถอนมาจ่ายเป็นเบี้ยประกันได้
อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การติดตามข่าวสารและปรับตัวอยู่เสมอ ย่อมส่งผลดีกับการวางแผนด้านการเงินและการลงทุนของเรา รวมไปถึงการมี Unit Linked ที่สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการวางแผนการเงินที่เข้ากับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้ดี