ขึ้นชื่อว่าผลไม้ หลายคนคงจะนึกถึงความอร่อย และคุณค่าสารอาหารที่ให้ประโยชน์กับร่างกายมาเป็นอันดับต้น ๆ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าการบริโภคสิ่งใดมากเกินควร อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ และหนึ่งในนั้นก็คือ ราชาแห่งผลไม้ของไทย หรือ ‘ทุเรียน’ ที่คนจำนวนไม่น้อยชื่นชอบในรสชาติ และมีบางครั้งที่อร่อยเพลินจนเผลอลืมโทษของมันไป ดังนั้นสำหรับใครที่เป็นทุเรียนเลิฟเวอร์ต้องไม่พลาดข้อมูลเกี่ยวกับทุเรียนที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ เชื่อว่าจะช่วยให้การรับประทานทุเรียนของทุกคนเกิดประโยชน์ และห่างไกลจากโทษได้
คุณประโยชน์ของทุเรียน
เชื่อว่าหลายคนมีความระมัดระวังในการรับประทานทุเรียนอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นผลไม้มีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง แต่ก็มีประโยชน์กับร่างกายเช่นกัน ทุเรียน 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 174 กิโลแคลอรี ซึ่งเทียบได้กับบะหมี่ครึ่งชามเลยทีเดียว โดยทุเรียน 100 กรัมนั้นจะประกอบไปด้วยสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต 27.09 กรัม ไขมัน 5.33 กรัม เส้นใยอาหาร 3.8 กรัม โปรตีน 1.47 กรัม และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมงกานีส สังกะสี โซเดียม และกำมะถันที่สร้างกลิ่นเฉพาะตัวให้กับทุเรียน พร้อมด้วยวิตามิน A B1 B2 B3 B5 B6 B9 และ C
นอกจากนี้ทุเรียนยังประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น สารฟลาโวนอยด์ คาโรทีนอยด์ และโพลีฟีนอล ที่ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ร่างกายได้ ซึ่งสารเหล่านี้ทำให้เราแก่ช้าลงนั่นเอง ส่วนใยอาหารในทุเรียนก็ช่วยให้เราขับถ่ายดีขึ้น อีกทั้งยังมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงสายตาและโฟเลตที่เป็นตัวช่วยในการสร้างเม็ดเลือดอีกด้วย
ทานทุเรียนอย่างไรให้ไม่เกิดโทษ
รู้หรือไม่ว่า ทุเรียนกับแอลกอฮอล์เป็นของต้องห้ามที่ไม่ควรรับประทานในช่วงเวลาเดียวกัน นั่นเพราะมีงานวิจัยทางการแพทย์ค้นพบว่า ในทุเรียนมีกำมะถันในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ซึ่งกำมะถันในทุเรียนจะไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในตับ (Aldehyde Dehydrogenase) ที่ทำหน้าที่สลายความเป็นพิษของสารแอลดีไฮด์ (Aldehyde) ซึ่งเกิดจากกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในร่างกาย จึงอาจส่งผลให้ผู้ที่รับประทานทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้รับพิษจากสารแอลดีไฮด์ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผื่นคันหรือผื่นแดงตามตัวได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรทานทุเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดนั่นเอง
ข้อควรระวังในการทานทุเรียนสำหรับคนที่มีโรคประจำตัว
แม้ทุเรียนจะมีสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินที่มีประโยชน์กับร่างกายมากมาย แต่ด้วยปริมาณพลังงานที่สูง จึงควรรับประทานไม่เกินวันละ 2-3 เม็ด และไม่ควรรับประทานถี่จนเกินไป โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้
· ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการคุมปริมาณน้ำตาลและไขมันในเลือด ทุเรียนเป็นผลไม้มีน้ำตาลและไขมันสูง ดั้งนั้นผู้ป่วยอาจต้องลดปริมาณให้น้อยลงไปถึงวันละครึ่งเม็ดเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแบบเฉียบพลัน ซึ่งจะนำไปสู่อาการช็อกได้
· ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน การที่ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรับประทานทุเรียนในปริมาณมากนั้น อาจทำให้ความดันในเลือดสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับผู้ป่วยได้
· ผู้ป่วยโรคไตและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เพราะมีโพแทสเซียมในทุเรียนสูง ทำให้เมื่อผู้ป่วยรับประทานทุเรียนในปริมาณมาก ร่างกายอาจขับโพแทสเซียมได้น้อยกว่าที่ควรเป็น จึงเกิดการสะสมในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
สำหรับเหล่าทุเรียนเลิฟเวอร์ก็อาจจะต้องวางแผนในการรับประทานเพื่อควบคุมปริมาณน้ำตาลและไขมันในเลือด รวมถึงใช้การออกกำลังกายช่วยในการเผาผลาญแคลอรี เพื่อให้ยังได้มีความสุขกับการรับประทาน และยังคงมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories
แหล่งที่มาของข้อมูล
· เว็บไซต์พบแพทย์
https://bit.ly/3DF8Xc4
https://bit.ly/3sFNZ6w
· คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
https://www.med.cmu.ac.th/web/news-event/news/pr-news/9432/
· คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
https://bit.ly/3zoaW1M
· โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย
https://bit.ly/3W3iMaW
