ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
02 สิงหาคม 2567

มะละกอ ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินบำรุงผิว ให้ผิวสวยหน้าใส แถมยังดีต่อสุขภาพ

มะละกอ ผลไม้เมืองร้อนสีส้มแสนอร่อยที่คนไทยเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งมะละกอไม่เพียงแค่รสชาติอร่อยเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สามารถช่วยในเรื่องการบำรุงผิวพรรณ ให้ผิวสวยหน้าใสได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย วันนี้เราจะพาคุณมาเจาะลึกเกี่ยวกับประโยชน์ต่าง ๆ ของผลไม้ที่ชื่อว่ามะละกอกัน  

 

มะละกอดีต่อผิวอย่างไร

 

·       ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอดูกระจ่างใส มะละกอมีวิตามินซีสูง สามารถช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสี UV ได้ นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอชนิด Retinoid (เรตินอยด์) ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและสีผิวสม่ำเสมออีกด้วย

 

·       ชะลอวัยและช่วยลดเลือนริ้วรอย สารต้านอนุมูลอิสระในมะละกอ ได้แก่ วิตามินซีและไลโคปีน (Lycopene) เป็นสารตั้งต้นในการผลิตคอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่คงความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว ช่วยลดเรือนริ้วรอยได้

 

·       ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น วิตามินเอและเอนไซม์ปาเปน (Papain) ในมะละกอ สามารถช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี เมื่อผิวหน้าเราชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ปัญหาผิวต่าง ๆ บนใบหน้าก็ลดลงตามไปด้วย

 

·       ขจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขน
เอนไซม์ปาเปน (Papain) และไคโมปาเปน (Chymopapain) ในมะละกอสามารถช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอักเสบของผิวหนัง นอกจากนี้มะละกอยังอุดมไปด้วย AHAs (Alpha Hydroxy Acids) ซึ่งเป็นกรดธรรมชาติช่วยขจัดสิ่งสกปรก เพื่อป้องกันการเกิดสิว กระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่และฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้รอยสิว รอยแดง จางลง ใบหน้าขาวใสขึ้น มะละกอจึงเป็นส่วนผสมของสกินแคร์หลาย ๆ ชนิด

 

 

ประโยชน์อื่น ๆ จากมะละกอ

 

เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย

ร่างกายมนุษย์สามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) ที่ได้รับจากมะละกอสุกเป็นวิตามินเอและวิตามินซีได้ เนื่องจากร่างกายต้องการวิตามินทั้งสองชนิดเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การทานมะละกอเป็นประจำจึงสามารถลดปริมาณความถี่ในการเป็นไข้หวัดได้

 

ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก

มะละกอมีไฟเบอร์สูง และมีน้ำย่อยธรรมชาติที่สามารถกำจัดคราบโปรตีนเก่าที่ร่างกายย่อยไม่หมดออกไป ช่วยกำจัดอุปสรรคที่มาขัดขวางการขับถ่ายของลำไส้ ที่สำคัญมะละกอยังมีสารเพกติน (Pectin) ที่ช่วยให้กากอาหารมีมากขึ้น ไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวถ่ายออกมา และเมื่อเราถ่ายง่าย ถ่ายคล่อง ก็จะช่วยป้องกันริดสีดวงและมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย

 

ช่วยในการย่อยอาหาร

เอนไซม์ปาเปน (Papain) ในมะละกอมีสรรพคุณในการย่อยเนื้อ จึงมีส่วนช่วยในการย่อยในกระเพาะอาหารได้เช่นเดียวกัน

 

บำรุงสายตา

สารเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะกลายมาเป็นวิตามินเอ ซึ่งเป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อการทำงานของจอประสาทตาและการมองเห็น โดยเฉพาะการมองเห็นในตอนกลางคืน ซึ่งวิตามินเอสามารถช่วยบำรุงสายตา รวมถึงลดอาการปวดล้าดวงตาได้อย่างดีเยี่ยม

 

ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง

สารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีน (Beta Carotenen) มีคุณสมบัติช่วยป้องกันเซลล์ร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกาย จึงถือเป็นผลไม้ช่วยต้านมะเร็งอีกชนิดหนึ่ง

 

มะละกอสุกและดิบ มีประโยชน์ต่างกันอย่างไร

 

นอกจากเราจะสามารถทานมะละกอแบบสุกแล้ว เรายังสามารถนำมะละกอดิบมาประกอบอาหาร หรือแปรรูปได้อีกด้วย ซึ่งมะละกอสุกและมะละกอดิบมีประโยชน์แตกต่างกัน โดยมะละกอดิบที่คนนิยมนำมาตำส้มตำหรือนำไปทำแกงส้ม มีส่วนช่วยในการขับลม ขับปัสสาวะและชะล้างลำไส้ นอกจากนั้นในมะละกอดิบยังมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า ปาเปน (Papain) มากกว่ามะละกอสุก ซึ่งมีความสามารถในการช่วยย่อยโปรตีน ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้อีกด้วย ส่วนในมะละกอสุกจะมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่ามะละกอดิบ มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีเอนไซน์ปาเปนและไคโมปาเปนน้อยกว่ามะละกอดิบ มีไฟเบอร์สูงซึ่งเป็นส่วนช่วยในการกระตุ้นการขับถ่าย ป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ และมีสารเพกตินที่ช่วยบรรเทาอาการกระเพาะอาหารอักเสบได้อีกด้วย

 

โดยรวมแล้วมะละกอสุกและมะละกอดิบจะดีต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทั้งคู่  แต่มะละกอสุกจะมีปริมาณน้ำตาลมากกว่า ดังนั้นควรรับประทานอย่างพอดี

 

ข้อควรระวังในการรับประทานมะละกอ

·       มะละกอมีฤทธิ์เป็นยาระบาย การบริโภคมะละกอในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียและปวดท้องได้

·       พลังงานจากมะละกอสุก ร้อยละ 92 มาจากคาร์โบไฮเดรต ดังนั้นผู้ที่ควบคุมแป้งและน้ำตาล ควรรับประทานมะละกอในปริมาณที่พอเหมาะ

·       ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการทานมะละกอ เพราะในมะละกอมีเอนไซม์ปาเปน (Papain) ซึ่งเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากอาจทำให้มีความเสี่ยงมดลูกหดตัว และคลอดก่อนกำหนดได้

·       ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรหลีกเลี่ยงการรับประทานมะละกอ เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติได้

·       ผู้ป่วยไทรอยด์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานมะละกอสุก เนื่องจากมะละกอสุกมีน้ำตาลมาก ซึ่งอาจทำให้อาการของไทรอยด์กำเริบ

 

จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของมะละกอมีมากมายหลายประการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราควรรับประทานมะละกออย่างเป็นประจำสม่ำเสมอในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อสุขภาพผิวและสุขภาพกายที่ดี เพราะหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

·       Sarinya Clinic
https://bit.ly/41OAMJj

·       BIODERMA
https://bit.ly/48DZONG

·       Haamor
https://bit.ly/3H5Ehl4

·       โรงพยาบาลทุ่งใหญ่
https://bit.ly/491TgZh

บทความสุขภาพที่สำคัญ