มีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1. ธนาคารจะหักเงินเบี้ยประกันรายงวดเต็มจำนวนก็ต่อเมื่อเงินในบัญชีมีเพียงพอในขณะนั้นเท่านั้น และการชำระเบี้ยประกันภัยจะถือว่าชำระเรียบร้อย และมีผลให้กรมธรรม์มีผลบังคับก็ต่อเมื่อหักเงินเบี้ยประกันรายงวดเต็มจำนวนได้
2. หากไม่สามารถหักเงินตามข้อ 1 ได้ ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม ให้ถือว่ายังไม่มีการชำระเบี้ยประกันภัย
3. หากจำนวนเงินที่บริษัท ฯ แจ้งแก่ธนาคารไม่ถูกต้อง แต่ธนาคารได้ทำการหักเงินจากบัญชีดังกล่าวตามจำนวนเงินที่บริษัท ฯ แจ้ง ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยตกลงที่จะเรียกร้องเงินจำนวนดังกล่าวจากบริษัท ฯ โดยตรงและขอสละสิทธิ์ในการเรียก ร้องหรือฟ้องร้องให้ธนาคารชดใช้ เงินจำนวนนั้น
4. ธนาคารไม่มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของจำนวนเงินที่ได้รับแจ้งจากบริษัท ฯ
5. ผู้เอาประกันภัยหรือผู้ชำระเบี้ยประกันภัยไม่ประสงค์ให้ธนาคารแจ้งการหักบัญชีแต่อย่างใด เนื่องจากรายการดังกล่าวปรากฏอยู่ในสมุดคู่ฝาก/Statement ของธนาคารหรือเอกสารการรับเบี้ย ประกันภัยของบริษัท ฯ
6. ผู้เอาประกันภัยหรือผู้ชำระเบี้ยประกันภัยยินยอมให้บริษัท ฯ เรียกเก็บเงินด้วยวิธีหักบัญชีเงินฝากธนาคารตามรอบการชำระของกรมธรรม์ของผู้ชำระเบี้ยประกันภัย และกรณีหักบัญชีไม่ผ่านเนื่องจากจำนวนเงินไม่พอชำระ บริษัท ฯ จะทำการส่งข้อมูลให้ธนาคารทำการเรียกเก็บเบี้ยประกันอีกครั้งภายใน 4 วันทำการ
7. หากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือบัญชีกระแสรายวัน ที่ระบุในข้อ 1 หรือ 2 หรือหักค่าเบี้ยประกันภัย ได้เปลี่ยนแปลงไม่ว่าโดยสาเหตุใดก็ตาม เงื่อนไขข้อ 1 ถึง ข้อ 6 ยังคงมีผลบังคับใช้กับบัญชีใหม่ หรือ ค่าเบี้ยประกันภัยที่ได้เปลี่ยนแปลงนั้นๆทุกประการ ทั้งนี้ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยตกลงสละสิทธิ์ยกเลิก / แก้ไข / ลบล้างความยินยอมดังกล่าวจนกว่าความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ชำระเบี้ยประกันภัย หรืออายุความในการฟ้องคดีสิ้นสุดลง แล้วแต่ระยะเวลาใดสิ้นสุดภายหลัง
8. การหักบัญชีธนาคารดังกล่าวให้มีผลบังคับนับตั้งแต่วันที่บริษัท ฯ ทำการอนุมัติ และให้คงมีผลบังคับต่อไปจนกว่าผู้ชำระเบี้ยประกันจะทำการเพิกถอน ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงเลขที่บัญชีธนาคาร หรือยกเลิกความยินยอมหักค่าเบี้ยประกันอัตโนมัติผู้เอาประกันภัยหรือผู้ชำระเบี้ยประกันภัยต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรแก่บริษัท ฯ ล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน และให้ถือความยินยอมตามหนังสือฉบับล่าสุดของข้าพเจ้ามีผลบังคับใช้ และยกเลิก ความยินยอมเดิมโดยอัตโนมัติ
9. หากมีความเสียหาย หรือ ความผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นแก่ธนาคาร หรือบริษัท ฯ เนื่องมาจากการกระทำใด ๆ ของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ชำระเบี้ยประกันภัย ผู้เอาประกันภัยหรือผู้ชำระเบี้ยประกันภัยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่ธนาคาร หรือบริษัท ฯ ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงทุกประการ
10. ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยยอมรับและยืนยันว่าผู้ชำระเบี้ยประกันภัยเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ทำรายการชำระเบี้ยประกัน หรือเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้ทำรายการเพื่อชำระเบี้ยประกันแทนผู้เยาว์ ทั้งนี้ ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยจะไม่ปฏิเสธการทำรายการที่เกิดขึ้นในทุกกรณีกับธนาคารและบริษัทฯ และหากพบข้อผิดพลาดหรือต้องการขอเงินคืน ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยจะเป็นผู้ติดต่อไปยังบริษัทฯ โดยตรง
11. ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยยืนยันว่าผู้ชำระเบี้ยประกันภัยเป็นเจ้าของกรมธรรม์ หรือ มีความสัมพันธ์เป็น บิดา-มารดา-บุตร / สามี-ภรรยา กับเจ้าของกรมธรรม์ฉบับที่ให้ความยินยอมแก่บริษัท ฯ เพื่อเรียกเก็บเงินด้วยวิธีหักบัญชีธนาคารอัตโนมัติตามข้อ (10) บริษัท ฯ สามารถตรวจสอบ หรือดำเนินการใดๆเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ดังกล่าว และหากพบว่าไม่เป็นความจริง บริษัท ฯ สามารถยกเลิกการรับประกันภัย ปฏิเสธการรับชำระ ปฏิเสธการคืนเงิน และ/หรือ ปฏิเสธการบริการอื่นๆแก่ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยได้
12. ผู้เอาประกันภัยหรือผู้ชำระเบี้ยประกันภัยยินยอมให้บริษัท ฯ จัดเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลหมายเลขบัญชีเงินฝาก ให้แก่ธนาคารเจ้าของบัญชี เพื่อวัตถุประสงค์ในการหักชำระค่าเบี้ยประกันภัยเพื่อชำระให้แก่บริษัท ฯ ภายใต้เงื่อนไขของกรมธรรม์
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/emma-by-axa *เงื่อนไขเป็นตามบริษัทฯ กำหนด