ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
18 พฤษภาคม 2568

โรคกล้ามเนื้ออักเสบ สาเหตุ วิธีการป้องกัน และผลกระทบที่เหล่าคนวัยทำงานต้องระวัง

ใครที่นั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ หรือออกกำลังยกของหนัก ก็มักมีอาการ ปวดคอ ปวดไหล่ ไปนวดก็แล้ว แต่ก็หายอยู่แป๊บเดียว แล้วก็กลับมาเป็นอีก จนสุดท้ายปล่อยมาเรื่อย ๆ ไม่ได้ไปหาหมอ จนตอนนี้ลามไปปวดหลัง สารพัดอาการปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง จนอดสงสัยไม่ได้ว่า เรากำลังป่วยเป็นโรค กล้ามเนื้ออักเสบ อยู่หรือเปล่านะ ?

 

กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นภาวะที่สามารถพบได้บ่อย หากปล่อยไว้นาน อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจัยการเกิดโรค กล้ามเนื้ออักเสบ นั้นมีหลากหลาย ดังนั้นการเข้าใจถึงสาเหตุที่มาของโรคจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่เราจะสามารถหาวิธีป้องกันและรักษาได้อย่างเหมาะสม

 

โรค กล้ามเนื้ออักเสบ คืออะไร ?

โรคกล้ามเนื้ออักเสบ (Myositis) คือภาวะที่กล้ามเนื้อเกิดการอักเสบหรือระคายเคือง โดยมักส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคลื่อนไหว เช่น แขน ไหล่ ขา สะโพก เป็นต้น ทำให้เกิดอาการปวด บวม อ่อนแรง และในบางกรณีอาจทำให้เคลื่อนไหวลำบาก ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น หรืออาจพัฒนากลายเป็น กล้ามเนื้ออักเสบ เรื้อรังในอนาคตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี

 

สาเหตุของการเกิดโรค กล้ามเนื้ออักเสบ

สาเหตุของการเกิดโรค กล้ามเนื้ออักเสบ มีหลายปัจจัย ที่สามารถทำให้เกิดภาวะนี้ได้ โดยสาเหตุหลัก ๆ มีดังต่อไปนี้

1.        ใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไป หรือเคลื่อนไหวผิดท่า

การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ ใช้กล้ามเนื้ออย่างหนักมากจนเกินไปอย่าง การยกของหนัก การเล่นกีฬาที่ต้องใช้แรงมาก เช่น ฟุตบอล เทนนิส ว่ายน้ำ เป็นต้น และการทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อบริเวณเดิมซ้ำ ๆ หรือเคลื่อนไหวผิดท่า สามารถทำให้กล้ามเนื้อเกิดการฉีกขาดเล็ก ๆ จนนำไปสู่การอักเสบได้

2.        การติดเชื้อ

เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียบางชนิด เช่น เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เชื้อ HIV หรือเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค Lyme

3.        อุบัติเหตุ

กล้ามเนื้ออักเสบ จากการเกิดอุบัติเหตุ หรือระหว่างเล่นกีฬาหนัก ๆ  เช่น ข้อเท้าพลิก เอ็นเข่าฉีก ล้มกระแทกพื้น เป็นต้น

4.        โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Diseases)

โรคที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีเนื้อเยื่อตัวเอง ทำให้เกิดภาวะ กล้ามเนื้ออักเสบ

5.        การใช้ยาบางชนิด

การใช้ยารักษาโรคบางชนิด อาจมีผลข้างเคียง ทำให้เกิดภาวะ กล้ามเนื้ออักเสบ

6.        การใช้โต๊ะหรือเก้าอี้ที่ผิดหลักสรีระศาสตร์

การใช้โต๊ะหรือเก้าอี้ที่ผิดหลักสรีระศาสตร์ ทำให้ร่างกายอยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งหลังค่อม หรือยืดกล้ามเนื้อมากเกินไป ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด และการอักเสบของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณหลัง คอ และไหล่ โดยสาเหตุนี้มักจะเกิดขึ้นกับบุคคลที่นั่งทำงานเป็นเวลานาน

7.        มีความเครียดสูง เครียดสะสม

ความเครียดทำให้ร่างกายเกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง และเมื่อกล้ามเนื้ออยู่ในสภาวะตึงเครียดเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการอักเสบและปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณคอ ไหล่ และหลัง

 

ใครที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรค กล้ามเนื้ออักเสบ บ้าง ?

บุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรค กล้ามเนื้ออักเสบ ได้แก่

·       ผู้ที่ทำงานหรือกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อหนัก

ผู้ที่ต้องทำงานยกของหนัก เช่น กรรมกร เป็นต้น หรือผู้ที่ทำงานในลักษณะที่ต้องใช้กล้ามเนื้อซ้ำ ๆ เช่น พนักงานโรงงาน ช่างฝีมือ เป็นต้น หรือนักกีฬาที่ต้องออกกำลังกายหนัก

·       ผู้ที่มีโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Diseases)

ผู้ที่เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรค SLE (Systemic Lupus Erythematosus) หรือโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรค กล้ามเนื้ออักเสบ

·       ผู้สูงอายุ

ความเสี่ยงในการเป็นโรค กล้ามเนื้ออักเสบ จะเพิ่มขึ้นตามอายุ เนื่องจากกล้ามเนื้อเสื่อมสภาพลง และมีความสามารถในการฟื้นฟูลดลงเมื่อเกิดการบาดเจ็บ

·       ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด

เช่น ยาลดคอเลสเตอรอลกลุ่มสแตติน (Statins) ยาโคลชิซิน (Colchicine) ซึ่งใช้รักษาโรคเก๊าท์ และยารักษาโรคมะเร็ง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นผลข้างเคียง

·       ผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย

เช่น เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เชื้อ HIV หรือเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค Lyme

·       พนักงานออฟฟิศ

ที่ต้องนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน และอาจใช้โต๊ะและเก้าอี้ที่ไม่ถูกหลักสรีระศาสตร์ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงเครียด โดยเฉพาะบริเวณคอ ไหล่ และหลัง นอกจากนี้ ความเครียดสะสมจากการทำงาน ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการ กล้ามเนื้ออักเสบ ได้อีกด้วย

 

อาการของผู้ที่เป็นโรค กล้ามเนื้ออักเสบ   

อาการของผู้ที่เป็นโรค กล้ามเนื้ออักเสบ อาจแตกต่างกันออกไปในผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นอยู่กับความรุนแรง และสาเหตุของการอักเสบ แต่โดยทั่วไปแล้ว อาการหลัก ๆ จะเป็นดังนี้

  1. กล้ามเนื้ออ่อนแรง

อาการอ่อนแรงในกล้ามเนื้อเป็นลักษณะเด่นของโรคนี้ โดยมักเกิดขึ้นในกล้ามเนื้อส่วนใกล้กับลำตัว เช่น กล้ามเนื้อแขน ขา และสะโพก ทำให้การทำกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อเหล่านี้ เช่น การเดินขึ้นบันได การลุกนั่ง หรือการยกแขน ขึ้นไปเหนือศีรษะ เป็นเรื่องยากลำบาก

  1. ปวดกล้ามเนื้อ

ผู้ป่วยมักรู้สึกปวดหรือระบมบริเวณกล้ามเนื้อที่อักเสบ ซึ่งอาจปวดเฉพาะจุดหรือกระจายไปทั่วบริเวณ

  1. บวม

กล้ามเนื้อที่อักเสบอาจมีอาการบวม และในบางกรณีอาจมีอาการการแดงหรือร้อนบริเวณที่เกิดการอักเสบร่วมด้วย

  1. กล้ามเนื้อเกร็งหรือหดตัว

อาการกล้ามเนื้อเกร็งหรือหดตัว อาจเกิดขึ้นโดยเฉพาะในช่วงที่มีการใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป

  1. อ่อนล้า

ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก แม้เพียงทำกิจกรรมเบา ๆ เนื่องจากกล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

 

วิธีรักษาโรคกล้ามเนื้ออักเสบ

การรักษาโรคกล้ามเนื้ออักเสบ ต้องปรับวิธีรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ

  1. พักผ่อนให้เพียงพอและปรับเปลี่ยนกิจกรรม

ควรพักผ่อนเพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักฟื้น เพื่อลดการอักเสบและฟื้นฟูความแข็งแรง รวมถึงหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงเครียด

  1. การบำบัดทางกายภาพ
    กายภาพบำบัดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การยืดกล้ามเนื้อ การนวด เป็นต้น และอาจใช้อุปกรณ์ช่วยพยุง เพื่อช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  2. ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ

ใช้ยาในกลุ่ม NSAIDs เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด หรือยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroids) ในกรณีที่การอักเสบรุนแรงและเรื้อรัง

  1. ยาภูมิคุ้มกัน

ในกรณีที่กล้ามเนื้ออักเสบเกิดจากโรคแพ้ภูมิตัวเอง อาจจำเป็นต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น methotrexate หรือ azathioprine เพื่อควบคุมการอักเสบ

  1. การรักษาแบบบูรณาการ

การรักษาด้วยวิธีการแพทย์ทางเลือก อย่าง การฝังเข็ม หรือการใช้สมุนไพร เพื่อช่วยลดอาการและปรับสมดุลในร่างกาย

 

ทั้งนี้การรักษาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ การวินิจฉัยและคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อให้การรักษาได้ผลดี และลดโอกาสการเกิดซ้ำของโรค

 

วิธีป้องกันโรค กล้ามเนื้ออักเสบ ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

เพื่อป้องกันโรค กล้ามเนื้ออักเสบ ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้กล้ามเนื้อฟื้นฟูได้เต็มที่หลังใช้งานหนัก รวมถึงรักษาท่าทางการนั่งให้ถูกต้องขณะทำงานหรือออกกำลังกาย นอกจากนี้ควรใช้โต๊ะและเก้าอี้ทำงานที่เหมาะสมตามหลักสรีระศาสตร์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

 

ความเสี่ยงในกรณีที่ไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที

โรค กล้ามเนื้ออักเสบ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่การอักเสบเรื้อรัง กล้ามเนื้อเสื่อมสภาพ หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ที่ทำให้เคลื่อนไหวลำบากยิ่งขึ้น

 

รู้อย่างนี้แล้ว หากเกิดอาการปวดเมื่อย ไม่ควรปล่อยปะละเลยหรือนิ่งนอนใจ ปรึกษาแพทย์ได้ผ่านบริการเทเลเฮลท์ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-services/telehealth  

สำหรับใครที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ และอยากมีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) และ ผู้ป่วยใน (IPD)  สามารถดูรายละเอียดการบริการด้านสุขภาพ (KTAXA Health) เพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/products/health-insurance-and-hospital-income/ihealthy-ultra

แหล่งที่มาของข้อมูล

·       โรงพยาบาลเพชรเวช

https://bit.ly/3AN6C08

·       สรีรารัก คลินิกกายภาพบำบัด

https://bit.ly/3ZajUwY

·       แอปพลิเคชัน MorDee

https://bit.ly/3UW3xls

·       เว็บไซต์พบแพทย์

https://bit.ly/4fRgHb9

บทความสุขภาพที่สำคัญ